PTT ปรับแผนลงทุนใหม่ เพิ่มกว่า 6 หมื่นล้าน ลุยธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าครบวงจร
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่าคณะกรรมการ ปตท. มีการประชุมคร้ังที่ 6/2566เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2566 ได้ทบทวนแผนการลงทุนของ ปตท. และบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น100% และอนุมัติให้ปรับแผนการลงทุนสำหรับปี 2566 จาก 33,344 ล้านบาท เป็น 93,598 ล้านบาท
ทั้งนี้ การทบทวนแผนการลงทุนข้างต้น ส่วนใหญ่เป็นการเปลี่ยนแปลงการลงทุนในบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น100%
อาทิ เงินลงทุนสำหรับรองรับการร่วมลงทุนของบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ในโครงการ LNG ReceivingTerminal แห่งที่ 2 และการร่วมลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจรโดยหลักจากโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของบริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทยของบริษัท อรุณ พลัส จำกัด
ขณะที่การลงทุนในโครงการอื่นๆ ที่เป็นธุรกิจหลัก (Core Business) ของ ปตท. เพื่อสร้างความมนั่คงทางพลังงานให้กับประเทศยังคงเป็นไปตามแผนการลงทุนเดิม อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 1รวมทั้งโครงการท่อส่งก๊าซฯ บางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้ และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5
PTT กำไรไตรมาสแรก 2.78 หมื่นล้าน เพิ่ม 12.4% ขาดทุนสต๊อกน้ำมันลด
ชำแหละหุ้น PTT-OR ราคาน่าลงทุนหรือยัง? หลังกองทุนนอร์เวย์ขายทิ้ง ปมเมียนมา
บทวิเคราะห์ล่าสุดของ PTT จากบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปตท.มุ่งหา New Growthหนึ่งในเป้าหมายธุรกิจระยะยาวของ PTT คือ การมองหา New Growth ด้วยการเพิ่มสัดส่วนกำไรของธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตและธุรกิจอื่นให้มากกว่า 30% ในปี 2573
PTT จึงมีกลยุทธ์ธุรกิจที่สำคัญ 2 เรื่องคือการมุ่งสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและยานยนต์ไฟฟ้า(Future Energy) และ รุกธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน (Beyond)PTT ได้ให้มุมมองกลยุทธ์ของกลุ่มธุรกิจใหม่นี้ในงานประชุมนักวิเคราะห์โดยหลักการสำคัญในการขยายธุรกิจคือ การมองหาพันธมิตรที่แข็งแกร่ง มีความเชี่ยวชาญจริงในธุรกิจนั้น ๆ พัฒนาธุรกิจใหม่ให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำและ มองหาช่องทางขยายธุรกิจและสร้างความแข็งแกร่งด้านบริหารจัดการโดยอาศัยทรัพยากรและฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง กว้างขวางของ PTT
ธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต(Life Science) มี บจ. อินโนบิก (เอเซีย) เป็นบริษัทแกนด้วยทุนจดทะเบียน 1.36 หมื่นลบ.
1) Lotus ซึ่งเป็น บ.จดทะเบียนในไต้หวัน ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายยาโดยมุ่งเน้นยาสามัญที่ครอบคลุมหลายกลุ่มโรค PTT เริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 2564 ด้วยราคาหุ้น NT $80.7/หุ้น ใน 1Q66 Lotus มีรายได้เติบโต +43%YoY และกำไรเติบโต +168%YoY จาก NT $446 m เป็น NT$1.2b (กำไรทั้งปี 2565 NT$3.0b)ขณะที่ราคาหุ้นล่าสุด NT$324 ปรับขึ้นถึง +300% ในเวลาเพียง 2 ปี
2) บมจ. อินเตอร์ ฟาร์มา (IP)ซึ่งเป็น บ.จดทะเบียนใน maiPTT ถือหุ้น 20% ทำธุรกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพครบวงจรตั้งแต่เวชภัณฑ์นวัตกรรมยา จนถึงอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ร้านขายยา และล่าสุดคือโรงพยาบาล โดยมีแผน Spin-off ร้านขายยาและโรงพยาบาลเข้าจดทะเบียนต่อไป IP มีรายได้ปี 65 1.5 พันลบ. และกำไรสุทธิ 119 ลบ. (NPM 8%)
3) บมจ. นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น (NAM) PTT ถือหุ้น18%ทำธุรกิจผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อและให้บริการที่เกี่ยวข้อง NAM มีรายได้ปี 2565 จำนวน 1.1 พันลบคำพูดจาก เว็บสล็อตแท้. และกำไรสุทธิ 176 ลบ. (NPM 16%) โดยได้ยื่น Filing เพื่อเตรียมทำIPO แล้ว
ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร (EV Value Chain) มี บจ. อรุณพลัสเป็นบริษัทแกน ด้วยทุนจดทะเบียน 2.75หมื่นลบ. 1) Horizon Plusร่วมทุน 60% กับ Foxconn 40% ทำธุรกิจผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในไทย โดยมีเป้าหมายเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปีหน้า เริ่มต้น 5 หมื่นคัน/ปี; 2) Nuovo Plusถือหุ้น 51% และ GPSC 49% ทำธุรกิจ Battery Value Chain โดยโครงการสำคัญคือ ร่วมทุน 51% กับ Gotion 49% (บ.ชั้นนำของจีนด้านแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงาน) เพื่อนำเข้า ประกอบ และจัดจำหน่ายโมดูลแบตเตอรี่และชุดแบตเตอรี่ และมีโรงงาน Module Battery 1,000 MWh COD 4Q66F ก่อนจะขยายเป็น 2,000 MWh ต่อไปและ 3) EVME Plusให้บริการด้านดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า เช่น ให้เช่า บริการข้อมูลเกี่ยวกับสถานีอัดประจุไฟฟ้า เป็นต้น
แนะนำ“ซื้อ”Valuation ของ PTT ต่ำมากด้วย P/B 0.8x และอัตราเงินปันผลสูง 6.3% โดยตลาดให้ความสนใจกับ บ.ย่อยทั้งพลังงานต้นน้ำและปลายน้ำตามแนวโน้ม Key Drivers ในแต่ละช่วงเวลามากกว่าเรามองว่าสัดส่วนกำไรจากธุรกิจ Future Energy & Beyond ที่จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นและความเคลื่อนไหวทางธุรกิจในอนาคตจะเป็นตัวช่วยที่ยกระดับ Valuation ในระยะยาวสำหรับ PTT ได้ แนะนำ“ซื้อ”
ราคาหุ้น PTT ปิดตลาดวันนี้ (21 มิ.ย.) ไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 31.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,219.58 ล้านบาท